Kitobni o'qish: «หน้าที่ของผู้กล้า »
ประวัติ มอร์แกน ไรซ์
มอร์แกน ไรซ์ เป็นผู้แต่งหนังสือขายดีอันดับ 1 และเป็นผู้แต่งมหากาพย์แฟนตาซีที่ขายดีที่สุดใน USA Today นิยายชุดวงแหวนของผู้วิเศษ จำนวน 17 เล่ม นิยายชุดขายดีอันดับ 1 บันทึกของแวมไพร์ จำนวน 11 เล่ม (และยังมีเล่มต่อไป) นิยายชุดขายดีอันดับ 1 เรื่อง THE SURVIVAL TRILOGY เรื่องราวระทึกขวัญหลังวันโลกาวินาศ จำนวน 2 เล่ม (และยังมีเล่มต่อไป) และนิยายชุดเรื่องราวแฟนตาซีใหม่ล่าสุด กษัตริย์และผู้วิเศษ หนังสือของ มอร์แกน มีทั้งรูปแบบเสียงและสิ่งพิมพ์ และได้รับการแปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากกว่า 25 ภาษา
มอร์แกน ยินดีรับฟังความคิดเห็นของคุณ โปรดเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.morganricebooks.com เพื่อสมัครรับข่าวสารทางอีเมล พร้อมรับหนังสือฟรีและของรางวัลมากมาย สามารถดาวน์โหลดแอปฟรี เพื่อรับข่าวสารล่าสุด หรือเชื่อมต่อกับ Facebook และ Twitter โปรดติดตาม!
คำนิยมสำหรับ มอร์แกน ไรซ์
“วงแหวนของผู้วิเศษ มีส่วนผสมทุกอย่างของการประสบความสำเร็จทันที ไม่ว่าจะเป็นโครงเรื่องหลัก โครงเรื่องย่อย ความลึกลับ อัศวินผู้กล้าหาญ ความสัมพันธ์ที่เบ่งบานพร้อมกับการอกหัก การหลอกหลวงและการทรยศ มันจะทำให้คุณเพลิดเพลินได้หลายชั่วโมง และเป็นที่ชื่นชอบของทุกวัย แนะนำให้มีประจำไว้ในห้องสมุดสำหรับคอนักอ่านเรื่องแฟนตาซี”
--Books and Movie Reviews, Roberto Mattos
“นิยายมหากาพย์แฟนตาซีที่น่าสนุกสนาน”
--Kirkus REviews
“จุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่น่าดึงดูดใจ”
-– San Francisco Book Review
“อัดแน่นไปด้วยการผจญภัย…งานเขียนของไรซ์ช่างเข้มข้นและวางโครงเรื่องอย่างมีเหตุมีผล”
-– Publishers Weekly
“นิยายแฟนตาซีที่สร้างแรงบันดาลใจ เป็นจุดเริ่มต้นของมหากาพย์นิยายสำหรับวัยรุ่นที่เหมาะสม”
-– Midwest Book Review
หนังสือของ มอร์แกน ไรซ์
กษัตริย์และผู้วิเศษ
กำเนิดราชันย์มังกร (เล่ม 1)
กำเนิดความกล้าหาญ (เล่ม 2)
ชุด วงแหวนของผู้วิเศษ
เส้นทางแห่งวีรบุรุษ (เล่ม 1)
การเดินทางแห่งราชา (เล่ม 2)
ชะตาแห่งมังกร (เล่ม 3)
เสียงร่ำร้องแห่งเกียรติยศ (เล่ม 4)
คำปฏิญาณแห่งศักดิ์ศรี (เล่ม 5)
หน้าที่ของผู้กล้า (เล่ม 6)
อำนาจแห่งดาบ (เล่ม 7)
ประทานพรแห่งสรรพาวุธ (เล่ม 8)
นภาแห่งเวทมนตร์ (เล่ม 9)
ท้องทะเลแห่งโล่ (เล่ม 10)
การครองราชย์แห่งเหล็กกล้า (เล่ม 11)
ดินแดนแห่งเปลวเพลิง (เล่ม 12)
บัญญัติแห่งราชินี (เล่ม 13)
คำสาบานของพี่น้อง (เล่ม 14)
ความฝันแห่งมรณะ (เล่ม 15)
การแข่งขันของอัศวิน (เล่ม 16)
ของขวัญจากการต่อสู้ (เล่ม 17)
ไตรภาคแห่งหนทางการอยู่รอด
สนามที่หนึ่ง ปลดปล่อยความเป็นทาส (เล่ม 1)
สนามที่สอง (เล่ม 2)
บันทึกของแวมไพร์
กลายร่าง (เล่ม 1)
ความรัก (เล่ม 2)
การทรยศ (เล่ม 3)
พรหมลิขิต (เล่ม 4)
ความปรารถนา (เล่ม 5)
การหมั้นหมาย (เล่ม 6)
คำสาบาน (เล่ม 7)
การค้นหา (เล่ม 8)
ฟื้นคืนชีพ (เล่ม 9)
การโหยหา (เล่ม 10)
โชคชะตา (เล่ม 11)
ลิขสิทธิ์ © 2013 โดย มอร์แกน ไรซ์
สงวนลิขสิทธิ์ ยกเว้นที่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ ของสหรัฐฯ พ.ศ. 2519 ห้ามนำส่วนใดของการเผยแพร่นี้ไปทำซ้ำ แจกจ่ายหรือถ่ายทอดในรูปแบบใด ๆ หรือโดยความหมายใด ๆ หรือเก็บบันทึกเป็นข้อมูล หรือระบบสืบค้น โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียน
หนังสือ ebook นี้ อนุญาตเพื่อความบันเทิงส่วนตัวของคุณเท่านั้น และ ebook เล่มนี้ไม่อาจนำไปขายซ้ำ หรือยกให้ผู้อื่น หากคุณต้องการแบ่งปันหนังสือเล่มนี้กับผู้อื่น ขอความกรุณาซื้อเพิ่มใหม่เป็นส่วนตัว หากคุณกำลังอ่านหนังสือเล่มนี้ และไม่ได้ซื้อ หรือไม่ได้ซื้อในนามของคุณ ขอความกรุณาส่งคืนและดำเนินการซื้อในนามของคุณ ขอบคุณที่ให้ความเคารพในการทำงานอย่างหนักของผู้เขียน
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ชื่อ ตัวละคร ธุรกิจ องค์กร สถานที่ สถานการณ์ และเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน หรือเป็นการแต่งขึ้น ความคล้ายคลึงใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลจริง ทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเสียชีวิตไปแล้ว เป็นความบังเอิญทั้งสิ้น
Jacket image Copyright RazoomGame, used under license from Shutterstock.com.
“คนขลาดตายหลายครั้งก่อนจะพบความตายของตัวเอง
ผู้กล้าไม่เคยลิ้มรสความตายแม้สักครั้ง”
--วิลเลียม เชคสเปียร์จูเลียส ซีซาร์
บทที่ หนึ่ง
ราชินีเกว็นโดลีนทรงนอนคว่ำพระพักตร์อยู่บนทุ่งหญ้า ทรงรู้สึกถึงสายลมเย็นพัดผ่านพระฉวีเปลือยเปล่า ขณะทรงพยายามลืมพระเนตรขึ้นช้า ๆ โลกเริ่มกลับมาชัดเจนอีกครั้ง พระนางทรงอยู่ในสถานที่ห่างไกลแห่งหนึ่ง ในทุ่งดอกไม้ที่สว่างไสวในแสงแดด ธอร์และพระบิดาทรงอยู่ด้วย ทุกคนกำลังหัวเราะและมีความสุข ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบ
แต่ตอนนี้ เมื่อพระนางทรงลืมพระเนตรขึ้น โลกตรงหน้าแตกต่างออกไป พื้นดินแข็งและเย็น และผู้ที่อยู่ตรงหน้าพระนาง และกำลังยืนขึ้นช้า ๆ ไม่ใช่ธอร์ แต่เป็นปิศาจชั่วร้าย ราชาแม็คคลาวด์ พระองค์ทรงเสร็จธุระกับพระนางแล้ว และประทับยืนขึ้นช้า ๆ ทรงสวมสนับเพลา แล้วทอดพระเนตรมองลงมาด้วยความพอพระทัย
ความทรงจำกลับคืนมาสู่พระนางทันที ทรงยอมศิโรราบต่อแอนโดรนิคัส แต่มันกลับทรยศ พระนางทรงถูกราชาแม็คคลาวด์ทำร้าย พระปรางแดงเมื่อทรงจำได้ว่าพระนางทรงไร้เดียวสาเพียงใด
ราชินีเกว็นโดลีนทรงนอนนิ่ง เจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งพระวรกาย พระทัยสลาย และทรงอยากจะตายยิ่งกว่าครั้งใดในชีวิต
พระนางทรงเบิกพระเนตรกว้างขึ้นและเห็นกองทัพของแอนโดรนิคัส ทหารมากมายต่างกำลังมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ความอับอายของพระนางยิ่งล้ำลึก พระนางไม่น่ายอมศิโรราบให้แก่ปิศาจร้ายตนนี้ พระนางน่าจะยืนหยัดต่อสู้ น่าจะทรงฟังเจ้าชายเคนดริคและคนอื่น ๆ แอนโดรนิคัสหลอกพระนางด้วยสัญชาตญาณการเสียสละของพระนาง และทรงหลงเชื่อมัน ราชินีทรงอยากจะเผชิญหน้ากับมันในสนามรบ ถึงแม้จะต้องสิ้นพระชนม์ แต่อย่างน้อยพระนางก็จะสิ้นพระชนม์อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
ราชินีเกว็นโดลีนทรงรู้แน่ชัดเป็นครั้งแรกในชีวิตว่าพระนางทรงกำลังจะสิ้นพระชนม์ แต่นั่นกลับไม่ทำให้ทรงกังวลพระทัยอีกต่อไป พระนางทรงไม่ใส่พระทัยกับความตายอีกแล้ว ทรงสนพระทัยเพียงได้ตายด้วยวิถีของพระนาง และยังทรงไม่พร้อมที่จะตาย
ขณะที่พระนางทรงนอนนิ่งอยู่นั้น ราชินีเกว็นโดลีนทรงแอบกำดินไว้ในพระหัตถ์ข้างหนึ่ง
“เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว” ราชาแม็คคลาวด์สั่งด้วยสุรเสียงแหบห้าว “ข้าเสร็จเรื่องกับเจ้าแล้ว ถึงตาคนอื่นบ้างแล้ว”
ราชินีเกว็นทรงกำดินในพระหัตถ์แน่นจนข้อนิ้วพระหัตถ์ขาว และทรงภาวนาให้มันได้ผล
พระนางทรงดีดตัวหมุนพระองค์อย่างรวดเร็วแล้วขว้างดินในพระหัตถ์ใส่พระเนตรราชาแม็คคลาวด์
พระองค์ทรงไม่คาดคิด และส่งเสียงร้องออกมา พลางผงะเซถอยหลัง ยกพระหัตถ์ขึ้นปัดดินออกจากพระเนตร
ราชินีเกว็นทรงอาศัยจังหวะนั้น พระนางทรงเติบโตขึ้นมาในราชสำนัก มีอัศวินเป็นผู้เลี้ยงดู พวกเขามักจะสอนให้พระนางทรงโจมตีซ้ำ ก่อนที่ศัตรูจะมีเวลาตั้งตัว และยังสอนบทเรียนที่พระนางจะไม่มีทางลืม ไม่ว่าจะทรงมีอาวุธหรือไม่ จะต้องทรงมีอาวุธเสมอ พระนางทรงสามารถใช้อาวุธของศัตรูได้
ราชินีเกว็นทรงคว้าพระแสงมีดสั้นจากรัดพระองค์ของราชาแม็คคลาวด์ เงื้อขึ้นสูงแล้วจ้วงแทงลงที่หว่างขา
ราชาแม็คคลาวด์ส่งเสียงร้องดังออกมา เลื่อนพระหัตถ์จากพระเนตรลงไปคว้าที่หว่างพระเพลา โลหิตไหลทะลักลงมาระหว่างพระเพลาของพระองค์ เมื่อทรงดึงพระแสงมีดสั้นออก พลางอ้าโอษฐ์ค้างด้วยความเจ็บปวด
ราชินีเกว็นโดลีนทรงพอพระทัยที่ทรงสามารถทำการแก้แค้นเล็ก ๆ นี้ได้ แต่แล้วพระนางกลับต้องประหลาดพระทัย บาดแผลที่น่าจะทำให้คนอื่นล้มคว่ำลงไปแล้ว กลับไม่ได้ทำให้ราชาแม็คคลาวด์ช้าลงเลย พระองค์ทรงเป็นปิศาจที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ พระนางทรงสร้างบาดแผลฉกรรจ์ ตรงที่ ๆ พระองค์สมควรจะได้รับ แต่มันไม่ได้ฆ่าพระองค์ ไม่แม้แต่จะทำให้พระองค์ทรุดลงด้วยซ้ำ
ราชาแม็คคลาวด์กลับทรงถือพระแสงมีดสั้นเล่มนั้น ที่มีโลหิตไหลหยด พลางยิ้มเยาะด้วยแววอาฆาต พระองค์ทรงก้าวเข้าใกล้ กำพระแสงไว้แน่นด้วยพระหัตถ์สั่นเทา ราชินีเกว็นโดลีนทรงรู้ว่าเวลาของพระนางมาถึงแล้ว อย่างน้อยที่สุดพระนางก็จะได้ตายพร้อมกับความพอพระทัยเล็ก ๆ นี้
“ข้าจะเฉือนหัวใจเจ้าออกมาป้อนให้เจ้ากิน” ราชาแม็คคลาวด์ตรัส “เตรียมตัวรับความเจ็บปวดที่แท้จริงเถิด”
ราชินีเกว็นโดลีนทรงเตรียมรับพระแสงที่กำลังจะแทงลงมา เตรียมพร้อมที่จะพบกับความตายอันเจ็บปวด
เสียงกรีดร้องดังขึ้น หลังจากที่ตกพระทัยอยู่ครู่หนึ่ง ราชินีเกว็นโดลีนต้องประหลาดพระทัยที่รู้ว่าเสียงร้องนั้นไม่ใช่เสียงของพระนาง แต่เป็นราชาแม็คคลาวด์ที่ทรงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส
ราชินีเกว็นทรงลดพระหัตถ์ลงแล้วเงยขึ้นมองด้วยความสับสน ราชาแม็คคลาวด์ทรงปล่อยพระแสงหลุดจากพระหัตถ์ พระนางทรงกระพริบพระเนตรหลายครั้ง ทรงพยายามเข้าใจภาพที่เห็นตรงหน้า
ราชาแม็คคลาวด์ประทับยืนอยู่ตรงนั้นโดยมีลูกธนูแทงอยู่ในพระเนตร พระองค์ทรงร้องโหยหวน พระโลหิตทะลักจากพระเนตร ขณะที่ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นจับลูกธนูไว้ พระนางทรงไม่เข้าพระทัย ราชาแม็คคลาวด์ทรงถูกยิง แต่อย่างไรกันเล่า? และใครเป็นผู้ลงมือ?
ราชินีเกว็นทรงหันไปทางที่ลูกธนูถูกปล่อยมา พระนางทรงพระทัยชื้นเมื่อทรงเห็นสเตฟเฟนยืนอยู่ที่นั่น ถือคันธนูไว้ในมือ ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางกองทหาร และก่อนที่ใครจะทันรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น สเตฟเฟนก็ยิงออกมาอีกหกลูก ทีละลูก ๆ ทำให้ทหารหกคนที่ยืนอยู่ข้างราชาแม็คคลาวด์ล้มลง ลูกธนูแทงทะลุลำคอของทุกคน
สเตฟเฟนเตรียมจะยิงอีก แต่ในที่สุดพวกทหารก็เห็นเขาและกระโจนเข้าใส่ ตะลุมบอนจับเขากดลงกับพื้น
ราชาแม็คคลาวด์ยังคงส่งเสียงร้อง พระองค์ทรงหันหลังแล้ววิ่งเข้าใส่ฝูงชน น่าประหลาดที่พระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพ ราชินีเกว็นทรงหวังให้พระองค์ทรงตกพระโลหิตจนตาย
ราชินีเกว็นทรงนึกขอบใจสเตฟเฟนมากกว่าที่เขาจะรู้ พระนางทรงรู้ว่าคงจะต้องตายที่นี่ในวันนี้ด้วยน้ำมือของใครบางคน แต่อย่างน้อยที่สุดตอนนี้ก็ไม่ใช่ด้วยน้ำมือของราชาแม็คคลาวด์
ค่ายทหารเงียบเสียงลงเมื่อแอนโดรนิคัสทรงยืนขึ้นและเสด็จมาหาราชินีเกว็นโดลีนช้า ๆ พระนางทรงนอนมองเขาเข้ามาใกล้ แอนโดรนิคัสตัวสูงอย่างไม่น่าเชื่อ ราวกับภูเขากำลังเคลื่อนใกล้เข้ามา เหล่าทหารเดินตามมาด้านหลังเมื่อแอนโดรนิคัสใกล้เข้ามา สนามรบเงียบสนิท มีเพียงเสียงสายลม
แอนโดรนิคัสหยุดห่างออกไปไม่กี่ฟุต ชะโงกเงื้อมอยู่เหนือพระนาง ทอดพระเนตรมองลงมา พระพักตร์เรียบเฉย ทรงยกหัตถ์ขึ้นแตะสร้อยพระศอร้อยศีรษะหดย่อช้า ๆ มีเสียงประหลาดดังมาจากพระอุระและพระศอ ฟังคล้ายเสียงแมวคราง พระองค์ดูเหมือนจะกริ้วและประหลาดพระทัยไปพร้อมกัน
“เจ้ากล้าท้าทายแอนโดรนิคัสผู้ยิ่งใหญ่” พระองค์ตรัสช้า ๆ ทั้งค่ายต่างนิ่งฟังสุรเสียงห้าวลึกฟังดูโบราณ พระสุรเสียงทรงอำนาจดังสะท้อนก้องไปทั่ว “มันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าเจ้าจะยอมรับการลงทัณฑ์ ตอนนี้เจ้าจะต้องรู้จักกับความเจ็บปวดที่แท้จริง”
แอนโดรนิคัสทรงหยิบพระแสงดาบที่ยาวกว่าดาบที่ราชินีเกว็นทรงเคยเห็น มันน่าจะยาวราวแปดฟุต เสียงโลหะดังสะท้อนไปทั่วสนามรบ พระองค์ทรงถือพระแสงดาบกระชับแน่น หันรับแสงอาทิตย์ สะท้อนแสงแรงกล้าทำให้พระเนตรของพระนางพร่ามัว แอนโดรนิคัสทรงขยับพลิกพิจารณาดูมัน ราวกับเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“เจ้าเป็นสตรีที่มีชาติกำเนิดสูงศักดิ์” พระองค์ตรัส “มันเหมาะสมแล้วที่เจ้าควรจะตายด้วยดาบอันสูงส่ง”
แอนโดรนิคัสทรงก้าวเข้ามาอีกสองก้าว ทรงจับด้ามดาบไว้แน่นด้วยพระหัตถ์ทั้งสอง แล้วยกขึ้นสูง
ราชินีเกว็นโดลีนทรงหลับพระเนตร พระนางทรงได้ยินเสียงสายลมหวีดหวิว เสียงใบหญ้าขยับ ภาพความทรงจำในอดีตผ่านเข้ามา พระนางทรงรู้สึกถึงความสำเร็จในพระชนม์ชีพ ทุกสิ่งที่พระนางทรงเคยทำ ทุกคนที่ทรงรัก ในสำนึกสุดท้าย พระนางทรงนึกถึงธอร์ ราชินีทรงแตะสร้อยพระศอห้อยเครื่องรางที่เขามอบให้ แล้วกำไว้แน่น ทรงรู้สึกถึงพลังอบอุ่นที่แผ่ออกมา ทรงจำคำพูดของธอร์ตอนที่มอบมันให้แก่พระนางได้ เขาบอกว่าเครื่องรางนี้ หินสีแดงเก่าแก่ชิ้นนี้ สามารถช่วยชีวิตท่านได้หนึ่งครั้ง
ราชินีทรงกำมันแน่นขึ้น จนรู้สึกว่ามันเต้นตุบ ๆ อยู่ในพระหัตถ์ พระนางทรงภาวนาต่อพระเจ้าด้วยทุกอรูในพระวรกาย
พระเจ้าทรงโปรด ขอให้เครื่องรางนี้ได้ผล ขอทรงโปรดช่วยชีวิตข้าแค่เพียงครั้งนี้ ขอให้ข้าได้พบธอร์อีกครั้ง
ราชินีเกว็นโดลีนทรงลืมพระเนตร พระนางทรงคาดว่าจะได้เห็นพระแสงดาบของแอนโดรนิคัสฟาดฟันเข้าใส่ แต่พระนางกลับต้องประหลาดพระทัยกับภาพที่เห็น แอนโดรนิคัสประทับนิ่ง ทรงมองเลยพระนางไป ราวกับกำลังดูใครเดินเข้ามา พระองค์ดูประหลาดพระทัยและสับสน เป็นสิ่งที่พระนางทรงไม่คาดคิดว่าจะได้เห็น
“เจ้าจงวางอาวุธลงเดี๋ยวนี้” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังราชินีเกว็นโดลีน
ราชินีเกว็นโดลีนทรงตื่นเต้นที่ได้ยินเสียงนั้น เป็นเสียงที่พระนางทรงรู้จัก ราชินีทรงหันไปและต้องตกพระทัยที่ได้เห็นผู้ที่พระนางทรงรู้จักดีเท่ากับพระบิดาของพระนางเอง
อาร์กอน
เขายืนอยู่ที่นั่น สวมเสื้อคลุมสีขาวมีฮู้ดคลุมศีรษะ ดวงตาเป็นประกายเจิดจ้ารุนแรงยิ่งกว่าครั้งใดที่พระนางทรงเคยเห็น เขาจ้องตรงไปที่แอนโดรนิคัส พระนางและสเตฟเฟนนอนอยู่บนพื้นระหว่างผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสอง พวกเขาเป็นผู้ที่มีพลังอันเหลือเชื่อ คนหนึ่งมีพลังแห่งความมืด ส่วนอีกคนมีพลังแห่งแสงสว่าง กำลังเผชิญหน้ากัน พระนางทรงแทบจะรู้สึกได้ว่ากำลังเกิดสงครามพลังจิตปะทะกันอยู่เหนือพระเศียร
“ข้าต้องทำอย่างนั้นหรือ?” แอนโดรนิคัสทรงเยาะหยัน พลางแย้มสรวล
แต่ราชินีเกว็นทรงเห็นว่าในรอยแย้มสรวลนั้น ริมพระโอษฐ์ของแอนโดรนิคัสสั่น เป็นครั้งแรกที่พระนางทรงเห็นสิ่งที่ดูคล้ายความกลัวในพระเนตรของแอนโดรนิคัส ทรงไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น แอนโดรนิคัสคงจะทรงรู้จักอาร์กอน และไม่ว่าจะทรงรู้อะไร นั่นน่าจะมากพอที่จะทำให้บุรุษผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกรู้สึกกลัว
“เจ้าจะต้องไม่ทำอันตรายนางอีก” อาร์กอนบอกอย่างเยือกเย็น “เจ้าจะต้องยอมรับการยอมจำนนของนาง” เขากล่าวพลางก้าวเข้ามาใกล้ ดวงตาเจิดจ้าสะกดมีพลังสะกด “เจ้าจะต้องยอมให้นางกลับไปหาคนของนาง และเจ้าจะยอมให้ประชาชนของนางยอมจำนน หากพวกเขาต้องการ ข้าจะบอกเจ้าเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เจ้าควรจะฉลาดพอที่จะยอมรับมัน”
แอนโดรนิคัสทรงจ้องมองอาร์กอน และกระพริบพระเนตรหลายครั้ง ราวกับลังเล
ในที่สุดพระองค์ก็ทรงแหงนพระพักตร์ขึ้นแล้วทรงพระสรวลเสียงดัง เป็นเสียงหัวเราะที่ดังที่สุดและชั่วร้ายที่สุดที่ราชินีเกว็นทรงเคยได้ยิน มันดังไปทั่วทั้งค่าย และดูเหมือนจะดังขึ้นไปก้องท้องฟ้า
“มายากลของผู้วิเศษอย่างเจ้าใช้กับข้าไม่ได้ผลหรอก” แอนโดรนิคัสตรัส “ข้ารู้จักอาร์กอนผู้ยิ่งใหญ่ เคยมีช่วงเวลาที่เจ้าทรงอำนาจ มีคนกล่าวว่าเจ้าทรงอำนาจมากยิ่งกว่าผู้ใด มากกว่ามังกร มากกว่าท้องฟ้าด้วยซ้ำ แต่ยุคสมัยของเจ้าผ่านไปแล้ว ตอนนี้เป็นยุคใหม่ เป็นเวลาของแอนโดรนิคัสผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าเป็นเพียงของเก่าโบราณ เศษซากจากยุคเก่า สมัยที่แม็คกิลปกครอง สมัยที่เวทมนตร์ยังแข็งแกร่ง สมัยที่อาณาจักรวงแหวนแข็งแกร่ง แต่ชะตาของเจ้าผูกติดอยู่กับอาณาจักรวงแหวน และตอนนี้มันก็อ่อนแอลง เหมือนกับเจ้า”
“เจ้าช่างเขลาที่กล้าเผชิญหน้ากับข้า ตาเฒ่า ตอนนี้เจ้าจะต้องทนทุกข์ เจ้าจะได้รู้จักความแข็งแกร่งของแอนโดรนิคัสผู้ยิ่งใหญ่”
แอนโดรนิคัสเยาะหยัน พลางยกพระแสงดาบขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ทรงทอดพระเนตรตรงไปที่อาร์กอน
“ข้าจะฆ่านางอย่างช้า ๆ ต่อหน้าเจ้า” แอนโดรนิคัสตรัส “จากนั้นข้าก็จะฆ่าเจ้าค่อมนั่น ก่อนจะจัดการเชือดเจ้า แต่ข้าจะปล่อยให้เจ้ารอด เป็นหลักฐานที่ยังมีชีวิตแสดงให้เห็นพลังอันยิ่งใหญ่ของข้า”
ราชินีเกว็นโดลีนทรงเตรียมพร้อมและผงะหนีเมื่อแอนโดรนิคัสฟันพระแสงดาบลงมาที่พระเศียรของพระนาง
ทันใดนั้นมีบางอย่างเกิดขึ้น พระนางทรงได้ยินเสียงมันแหวกอากาศมาเหมือนกับธนูนับพันดอก ตามมาด้วยเสียงร้องของแอนโดรนิคัส
พระนางทรงลืมพระเนตรมองอย่างไม่อย่างเชื่อที่ได้เห็นพระพักตร์ของแอนโดรนิคัสบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด ทิ้งดาบในพระหัตถ์ลงแล้วคุกพระชงลงกับพื้น พระนางทรงเห็นอาร์กอนก้าวเข้ามาอีก ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมา มีลูกไฟสีม่วงส่องสว่าง ลูกไฟเริ่มใหญ่ขึ้น ๆ จนล้อมแอนโดรนิคัสไว้ขณะที่อาร์กอนยังคงเดินใกล้เข้ามา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเดินเข้าใกล้แอนโดรนิคัสมากขึ้นเรื่อย ๆ พลางยื่นฝ่ามือออกมา
แอนโดรนิคัสทรงตัวงอเป็นกุ้งอยู่บนพื้นขณะที่แสงสว่างล้อมพระวรกายไว้
ทหารของแอนโดรนิคัสต่างอ้าปากค้าง แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้ พวกเขาอาจจะทั้งกลัวและอาร์กอนอาจจะร่ายมนตร์ที่ทำให้พวกเขาไร้พลัง
“หยุดเสียที!” แอนโดรนิคัสทรงตะโกน ยกพระหัตถ์ขึ้นปิดพระกรรณ “ข้าขอร้อง!”
“เจ้าจะไม่ทำอันตรายนางอีก” อาร์กอนบอกช้า ๆ
“ข้าจะไม่ทำอันตรายนาง!” แอนโดรนิคัสทรงทวนคำ ราวกับอยู่ในภวังค์
“เจ้าจะต้องปล่อยนางไปเดี๋ยวนี้และยอมให้นางกลับไปหาคนของนาง”
“ข้าจะปล่อยนางเดี๋ยวนี้และยอมให้นางกลับไปหาคนของนาง!”
“เจ้าจะให้โอกาสประชาชนของนางยอมจำนน”
“ข้าจะให้โอกาสประชาชนของนางยอมจำนน!” แอนโดรนิคัสทรงร้องเสียงดัง “ได้โปรด! ข้าจะทำทุกอย่าง!”
อาร์กอนสูดหายใจลึก ก่อนจะหยุดในที่สุด แสงสว่างจางหายไปจากฝ่ามือของเขาขณะที่เขาค่อย ๆ ลดแขนลง
ราชินีเกว็นทอดพระเนตรมองดูเขาอย่างตกตะลึง พระนางทรงไม่เคยเห็นอาร์กอนทำเช่นนี้มาก่อน และทรงไม่เคยรู้จักพลังของเขา มันเหมือนกับกำลังมองดูสวรรค์เปิดออกตรงหน้า
“หากเราได้เจอกันอีก แอนโดรนิคัสผู้ยิ่งใหญ่” อาร์กอนบอกช้า ๆ มองดูแอนโดรนิคัสที่ทรงนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น “มันคือเวลาที่เจ้ากำลังเดินทาไปสู่อาณาจักรแห่งความตายอันมืดมนที่สุด”
บทที่ สอง
ธอร์พยายามดิ้นรน แต่ถูกทหารจักรวรรดิจับตัวไว้แน่น เขาดูอับจนหนทางขณะที่เดิร์ส ผู้ที่เขาเคยคิดว่าเป็นพี่ชายยกดาบเตรียมจะฆ่าเขา
ธอร์หลับตาและเตรียมพร้อม เขารู้ว่าเวลาของเขามาถึงแล้ว เขาอยากจะเตะตัวเองที่ช่างโง่เง่าและไว้ใจคนง่าย พวกเขาจัดฉากหลอกธอร์มาตั้งแต่แรก ให้เป็นลูกแกะที่ถูกนำไปเชือด และที่ร้ายกว่านั้น คนอื่น ๆ ต่างรอฟังคำแนะนำจากเขาในฐานะผู้นำ เขาไม่เพียงแต่ทำให้ตัวเองผิดหวัง เขายังทำให้ทุกคนย่ำแย่ไปกับเขาด้วย ความซื่อของเขา และความไว้ใจคนง่ายทำให้ทุกคนอยู่ในอันตราย
ขณะที่ธอร์กรินดิ้นรน เขาพยายามรวบรวมกำลัง พยายามเรียกหามันจากที่ไหนสักแห่งภายในตัวเอง แค่ให้มีพลังพอที่จะเป็นอิสระและตอบโต้กลับได้
แต่ถึงเขาพยายาม มันก็ไม่เกิดขึ้น กำลังของเขาเองมีไม่พอที่จะดิ้นหลุดจากทหารที่จับตัวเขากดไว้
ธอร์รู้สึกถึงสายลมที่ลูบไล้ใบหน้าเมื่อเดิร์สเหวี่ยงดาบลงมา เขาเตรียมตัวรับคมดาบที่กำลังจะมาถึง เขายังไม่พร้อมที่จะตาย ใจเขาคิดถึงราชินีเกว็นโดลีนที่กำลังคอยเขาอยู่ที่อาณาจักรวงแหวน ธอร์รู้สึกว่าเขาทำให้พระนางทรงผิดหวังด้วยเช่นกัน
ทันใดนั้นธอร์ได้ยินเสียงเนื้อกระทบเนื้อ เขาลืมตาและต้องประหลาดใจที่เห็นว่าเขายังมีชีวิตอยู่ แขนของเดิร์สแข็งค้างอยู่กลางอากาศ ข้อมือของเขาถูกทหารจักรวรรดิที่ตัวใหญ่กว่าจับไว้ เขารับมือไม่ได้ง่าย ๆ เมื่อดูจากขนาดตัวของเขาแล้ว ทหารยึดข้อมือเดิร์สไว้ก่อนที่เขาจะฟันลงมาที่ธอร์แค่ไม่กี่นิ้ว
เดิร์สหันไปมองทหารจักรวรรดิด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“หัวหน้าของเราไม่ต้องการให้พวกมันตาย” ทหารพึมพำบอกเดิร์สเสียงเข้ม “เขาต้องการพวกมันเป็น ๆ ในฐานะนักโทษ”
“ไม่มีใครบอกพวกเราเรื่องนั้น” เดิร์สประท้วง
“ตกลงกันไว้ว่าพวกเราจะได้ฆ่ามัน!” ดรอสส์เสริม
“ข้อตกลงเปลี่ยนแล้ว” ทหารตอบ
“ท่านทำอย่างนั้นไม่ได้” เดรคตะโกน
“อย่างนั้นหรือ?” ทหารหันมาถามเสียงเข้ม “เราทำอะไรก็ได้ที่เราอยากทำ ที่จริงตอนนี้พวกเจ้าก็เป็นนักโทษเหมือนกัน” ทหารจักรวรรดิยิ้ม “ยิ่งมีทหารยุวชนให้เรียกค่าไถ่มากขึ้นก็ยิ่งดี”
เดิร์สมองดูทหารจักรวรรดิใบหน้าบูดบึ้ง ครู่ต่อมาเกิดเหตุชุลมุนขึ้นเมื่อทหารจักรวรรดิหลายสิบคนกระโจนใส่สามพี่น้อง กดพวกเขาไว้กับพื้นแล้วมัดข้อมือไว้
ธอร์อาศัยจังหวะช่วงเหตุการณ์ชุลมุน หันไปมองหาโครห์น เขาเห็นมันอยู่ห่างไปไม่กี่ฟุต ซ่อนอยู่ในเงามืด เฝ้าอยู่ข้างเขาอย่างจงรักภักดี
“โครห์น ช่วยข้า!” ธอร์ตะโกน “เดี๋ยวนี้!”
โครห์นกระโจนเข้ามาพร้อมคำราม มันฝังเขี้ยวใส่ลำคอของทหารจักรวรรดิคนที่จับข้อมือธอร์ไว้ ธอร์ดิ้นหลุด โครห์นกระโจนจากคนหนึ่งไปหาอีกคนหนึ่ง มันกัดและตะปบจนธอร์เป็นอิสระและหยิบดาบขึ้นมาได้ เขาหมุนตัวมาและสามารถตัดหัวทหารสามคนได้ในการฟันครั้งเดียว
ธอร์พุ่งไปหาเจ้าชายรีซที่อยู่ใกล้เขาที่สุด แล้วแทงใส่ทหารคนที่จับตัวพระองค์ไว้ ช่วยให้พระองค์เป็นอิสระและทรงสามารถชักพระแสงดาบออกมาร่วมต่อสู้ ทั้งสองแยกกันไปช่วยเพื่อนทหารยุวชนคนอื่น ๆ โจมตีใส่ทหารที่จับตัวพวกเขาไว้ และช่วยให้เอลเด็น โอคอนเนอร์ คอนวอลและคอนเวนเป็นอิสระ
ทหารคนอื่น ๆ มัวยุ่งอยู่กับการจับตัวเดรค เดิร์สและดรอสส์ ตอนที่พวกมันหันมาและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็สายเกินไปแล้ว ธอร์ เจ้าชายรีซ โอคอนเนอร์ เอลเด็น คอนวอลและคอนเวนเป็นอิสระ มีอาวุธอยู่ในมือ แต่พวกเขามีจำนวนน้อยกว่ามาก ธอร์รู้ว่าคงจะรับมือไม่ได้ง่ายนัก แต่อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสสู้ ทุกคนบุกเข้าใส่อย่างไม่ยั้งและไม่หวาดหวั่น
ทหารจักรวรรดินับร้อยโจมตีเข้าใส่ ธอร์ได้ยินเสียงร้องแหลมสูงขึ้นไปเหนือหัว เขาเห็นเอสโตฟิลีส เหยี่ยวของเขาบินโฉบลงมาแล้วตะปบตาทหารคนที่เป็นหัวหน้า จนมันล้มลงไปนอนดิ้นอยู่บนพื้น เอสโตฟิลีสตะปบใส่ทหารอีกหลายคน จัดการมันลงไปกองทีละคน
ขณะที่พวกมันบุกเข้ามา ธอร์หยิบลูกหินใส่หนังสติ๊กของเขาแล้วยิงโดนขมับทหารคนหนึ่ง คว่ำมันได้ก่อนที่จะมาถึงพวกเขา โอคอนเนอร์ยิงธนูออกไปสองลูก มันโดนจุดตายอย่างแม่นยำ ขณะที่เอลเด็นขว้างหอกโดนทหารสองคนล้มทั้งยืน มันเป็นการเปิดศึกที่ดี แต่ยังเหลือทหารอีกเป็นร้อยคนให้จัดการ
พวกเขาอยู่ตรงกลาง ส่งเสียงร้องข่มขวัญ ธอร์มุ่งความสนใจไปที่ทหารคนหนึ่งเป็นพิเศษ ตามที่ถูกสอนมา เขาเลือกคนที่ตัวใหญ่ที่สุดและดุร้ายที่สุดที่หาได้ แล้วเงื้อดาบขึ้นสูง เกิดเสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นเมื่อมันยกโล่ขึ้นรับดาบของธอร์ แล้วเหวี่ยงค้อนลงมาใส่หัวธอร์ทันที
ธอร์ฉากหลบ ค้อนจึงกระแทกจมลงไปในดิน เขาดึงมีดสั้นออกมาจากเข็มขัดแล้วแทงใส่ศัตรู มันล้มลงไปนอนตาย
ธอร์ยกโล่ขึ้นมารับดาบที่ทหารสองคนฟันลงมาทันเวลา ก่อนจะฟันตอบโต้ และจัดการสังหารพวกมันได้หนึ่งคน เขากำลังจะเหวี่ยงดาบใส่อีกคน ตอนที่เหลือบไปเห็นดาบกำลังเหวี่ยงมาหาจากด้านหลัง เขาต้องหมุนตัวมาใช้โล่รับไว้
ตอนนี้ธอร์ถูกโจมตีจากรอบด้าน แพ้จำนวนอย่างมากและเขาทำได้แค่คอยรับดาบที่กระหน่ำฟันใส่ เขาไม่มีเวลาและกำลังที่จะโต้กลับ ทำได้แค่คอยป้องกัน ทหารจักรวรรดิกรูเข้ามาหามากขึ้นเรื่อย ๆ
ธอร์มองดูรอบ ๆ เขาเห็นเพื่อน ๆ ตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่พอกัน แต่ละคนสามารถจัดการทหารจักรวรรดิไปได้หนึ่งหรือสองคน แต่ก็มีจำนวนน้อยกว่าอย่างมาก ทุกคนต่างมีบาดแผลคนละเล็กละน้อยจากการถูกโจมตีจากรอบด้าน ธอร์บอกได้ว่าพวกเขากำลังจะเพลี่ยงพล้ำ แม้จะมีโครห์นกระโดดเข้ามาร่วมวง และมีอินดราช่วยปาหินใส่กลุ่มทหาร ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นก่อนที่พวกเขาจะถูกล้อมและถูกจัดการในที่สุด
“ปล่อยพวกเราสิ!” มีเสียงบอกขึ้น
ธอร์หันไปเห็นเดรค ถูกมัดรวมอยู่กับพี่น้อง ห่างไปไม่กี่ฟุต
“ปล่อยพวกเรา!” เดรคบอกซ้ำ “เราจะช่วยพวกเจ้าสู้เอง! เรามีเป้าหมายเดียวกัน!”
ขณะที่ธอร์ยกโล่ขึ้นรับขวานศึกที่ฟาดใส่อย่างแรง เขาคิดว่าการได้คนมาช่วยเพิ่มอีกสามคนก็น่าจะดีมาก เห็นได้ชัดว่าถ้าไม่มีพวกนั้น ทุกคนก็ไม่มีโอกาสจะต่อกรกับทหารพวกนี้ ธอร์รู้สึกว่าเขาไม่สามารถไว้ใจสามพี่น้องนี้ได้อีกแล้ว แต่ในขณะนี้เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียหากจะลองดู ถึงอย่างไรสามพี่น้องนี้ก็มีแรงกระตุ้นที่จะต่อสู้เหมือนกัน
ธอร์รับดาบที่ฟันเข้าใส่อีกครั้ง ก่อนจะทรุดลงคุกเข่าแล้วกลิ้งตัวไปหลายฟุต จนกระทั่งไปถึงตัวสามคนพี่น้อง เขากระโดดลุกขึ้นแล้วตัดเชือกให้ทีละคน ช่วยป้องกันพวกเขาจากการฟาดฟัน ขณะที่แต่ละคนชักดาบออกมาแล้วเข้าร่วมวง
เดรค ดรอสส์ และเดิร์สพุ่งเข้าใส่กลุ่มทหารจักรวรรดิ โจมตี ฟาดฟัน กระแทกและแทงใส่ พวกเขาแต่ละคนตัวใหญ่และมีฝีมือ อาศัยจังหวะที่ทหารจักรวรรดิไม่ทันระวังตัวสามารถสังหารพวกมันไปได้หลายคน และช่วยพลิกสถานการณ์ ธอร์รู้สึกไม่แน่ใจที่ปล่อยพวกนั้นเป็นอิสระ แต่หลังจากสิ่งที่พวกเขาได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น ก็ดูเหมือนจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุด ดีกว่าถูกฆ่าตาย
ตอนนี้พวกเขามีกันเก้าคน รับมือกับทหารจักรวรรดิที่เหลือราวแปดสิบคนหรือกว่านั้น สถานการณ์ยังคงย่ำแย่ แต่อย่างน้อยที่สุดก็ดีกว่าที่เคยเป็น
ทหารยุวชนทุกคนใช้ทักษะที่ฝึกฝนมาของพวกเขา จากการฝึกที่ติดตัวพวกเขามาระหว่างการฝึกร้อยวัน พวกเขาถูกฝึกนับครั้งไม่ถ้วนให้ต่อสู้เมื่อตกอยู่ในวงล้อมและมีจำนวนน้อยกว่า ทุกเขาทำตามที่คอล์คและบรอมฝึกพวกเขามา ทุกคนถอยหลังชนกันเป็นวงกลม และต่อสู้กับทหารจักรวรรดิกลุ้มรุมเข้ามาอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขามีกำลังใจมากขึ้นจากการที่มีคนมาช่วยอีกสามคน มีพลังฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง และตอบโต้อย่างแข็งขันกว่าก่อนหน้านี้
คอนวอลหยิบกระบองตุ้มเหล็กออกมาแล้วเหวี่ยงใส่ศัตรูครั้งแล้วครั้งเล่า สามารถจัดการทหารจักรวรรดิไปได้สามคน ก่อนที่จะถูกกระชากสายโซ่ไป คอนเวนคู่แฝดของเขาใช้กระบองตุ้มเหล็กธรรมดา เล็งต่ำและฟาดขาของพวกทหารจักรวรรดิ โอคอนเนอร์ไม่สามารถใช้ธนูของเขาได้ในระยะประชิด แต่เขาก็สามารถหยิบมีดสั้นจากเอวแล้วขว้างใส่พวกทหาร จัดการสังหารพวกมันได้สองคน เอลเด็นใช้ค้อนศึกสองมือของเขาฟาดฟันอย่างรุนแรง เหวี่ยงใส่ดาบที่ฟันมารอบ ๆ ตัว ธอร์และเจ้าชายรีซใช้ดาบปัดป้องและฟาดฟันอย่างช่ำชอง ในขณะนั้นธอร์รู้สึกว่ามีความหวัง
แต่แล้วธอร์ก็เห็นจากหางตาว่ามีบางอย่างที่รบกวนเขา เขาเห็นหนึ่งในสามพี่น้องวิ่งตัดวงของเพื่อนทหารยุวชนมา ธอร์หันไปเห็นเดิร์ส เขากำลังวิ่งมา ไม่ได้วิ่งไปหาทหารจักรวรรดิ แต่กำลังวิ่งมาหาเขา มาหาธอร์ ตรงเข้ามาที่ด้านหลังธอร์
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ธอร์กำลังสู้กับทหารจักรวรรดิสองคนตรงหน้าเขา ไม่สามารถหันไปรับมือได้ทันเวลา
ธอร์รู้ว่าเขากำลังจะตาย กำลังจะถูกแทงจากด้านหลังโดยคนที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าเป็นพี่ชาย คนที่เขาเคยซื่อยอมเชื่อใจถึงสองครั้ง
ทันใดนั้นคอนวอลก็ก้าวเข้ามาขวางไว้ เพื่อปกป้องธอร์
และเมื่อเดิร์สเหวี่ยงดาบลงมาใส่หลังธอร์ ก็กลายเป็นฟันเข้าที่อกของคอนวอลแทน
ธอร์หันไปร้องตะโกน “คอนวอล!”
คอนวอลยืนแข็งค้าง ตาเบิกโพลงเหมือนเห็นความตาย ขณะที่ก้มมองดูดาบแทงทะลุหัวใจของเขา โลหิตไหลทะลักไปตามลำตัว
เดิร์สยืนมองตอบมา อย่างประหลาดใจไม่แพ้กัน
คอนวอลทรุดลงคุกเข่า โลหิตไหลจากออก ธอร์มองเห็นเป็นภาพช้า เมื่อคอนวอล เพื่อนสนิท คนที่เขารักเหมือนพี่น้อง ล้มหน้าคว่ำลงบนพื้น สิ้นใจตาย เพราะช่วยชีวิตธอร์
เดิร์สยืนอยู่เหนือเขา ก้มลงมองดูด้วยความตกใจในสิ่งที่ทำลงไป
ธอร์ยื่นดาบออกไปเพื่อจะสังหารเดิร์ส แต่คอนเวนเร็วกว่าเขา คู่แฝดของคอนวอลพุ่งออกไป เหวี่ยงดาบเป็นวงกว้าง ตัดหัวเดิร์สหลุดจากบ่า และร่างของเขาทรุดฮวบลงกับพื้น
ธอร์ยืนมองด้วยใจวาบโหวง ความรู้สึกผิดบีบรัดเขา เขาตัดสินใจผิดพลาดมากเกินไป หากเขาไม่ปล่อยเดิร์สเป็นอิสระ ป่านนี้คอนวอลก็คงยังมีชีวิตอยู่
พวกเขาเปิดด้านหลังเป็นเป้าให้แก่พวกจักรวรรดิ พวกมันจึงสบโอกาส กรูกันเข้ามาทางช่องที่เปิดอยู่ ธอร์โดนค้อนศึกฟาดเข้าที่สะบัก แรงจนทำให้เขาหน้าทิ่มลงไปกับพื้น
ก่อนที่ธอร์จะทันลุกขึ้น ทหารหลายคนก็กระโจนเข้าใส่ เหยียบหลังเขาไว้ จากนั้นคนหนึ่งกระชากผมเขาไว้ แล้วก้มลงมาหาพร้อมมีดสั้น
“บอกลาได้แล้ว เจ้าหนู” ทหารคนนั้นบอก
ธอร์หลับตาลง ขณะนั้นเองเขารู้สึกว่าตัวเขาถูกส่งไปยังอีกโลกหนึ่ง
ได้โปรดเถิด พระผู้เป็นเจ้า ธอร์บอกตัวเอง ขอให้ข้ามีชีวิตอยู่ในวันนี้ ขอให้ข้ามีพลังพอที่จะจัดการทหารพวกนี้ ข้าขอตายวันอื่น ที่อื่นอย่างมีเกียรติด้วยเถิด ขอให้ข้ามีชีวิตอยู่ต่อเพื่อแก้แค้น และได้เห็นเกว็นโดลีนเป็นครั้งสุดท้ายเสียก่อน
ขณะที่ธอร์นอนมองมีดสั้นเคลื่อนลงไปหา เขารู้สึกว่าเวลาเดินช้าลงจนเกือบหยุด จู่ ๆ เขาก็รู้สึกถึงพลังความร้อนแล่นขึ้นมาตามขา สู่ลำตัวและแขน ไปจนถึงฝ่ามือ สู่ปลายนิ้ว อาการแปลบปลาบรุนแรงจนเขาไม่สามารถหุบนิ้วได้ พลังความร้อนพลุ่งพล่านพร้อมที่จะปะทุผ่านเขาออกไป
ธอร์หมุนตัว รู้สึกมีกำลังขึ้นอีกครั้ง เขายื่นฝ่ามือใส่ทหารที่เข้ามาโจมตี ลูกไฟสีขาวพุ่งออกจากฝ่ามือของเขากระแทกใส่ทหารจักรวรรดิจนกระเด็นลอยไปกระแทกทหารอีกหลายคนล้มคว่ำไปด้วย
ธอร์ยืนขึ้น รู้สึกถึงพลังงานที่ท่วมท้น เขายื่นฝ่ามือไปทั่วสนามรบ ลูกไฟสีขาวลอยไปทั่ว เกิดคลื่นพลังทำลายล้างที่รุนแรงและรวดเร็ว ภายในไม่กี่นาที ทหารจักรวรรดิทั้งหมดก็นอนตายกองกันเป็นพะเนิน
เมื่อเหตุการณ์สงบลง ธอร์หันมองสำรวจดูเพื่อน ๆ เขา เจ้าชายรีซ โอคอนเนอร์ เอลเด็นและคอนเวนยังมีชีวิตอยู่ โครห์นกับอินดรายืนอยู่ไม่ห่าง ยังไม่ตายเช่นกัน เจ้าโครห์นหอบแรง ทหารจักรวรรดิตายหมด และคอนวอลที่นอนสิ้นใจอยู่บนพื้น
ดรอสส์ก็ตายด้วย เขาถูกทหารจักรวรรดิคนหนึ่งใช้ดาบแทงเข้าที่หัวใจ
คนเดียวที่ยังเหลือรอดคือเดรค เขานอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น ที่ท้องมีแผลถูกแทงด้วยมีดสั้นของพวกจักรวรรดิ ธอร์เดินเข้าไปหา ขณะที่เจ้าชายรีซ โอคอนเนอร์และเอลเด็นฉุดกระชากเดรคที่ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดให้ลุกขึ้นยืน
เดรคที่มีสีหน้าเจ็บปวด ดูสะลึมสะลือ ยิ้มเยาะมาให้อย่างอวดดี
“เจ้าน่าจะฆ่าพวกเราเสียตั้งแต่แรก” เดรคบอก โลหิตหยดจากปากเขา ก่อนจะไออยู่นาน “เจ้ามันซื่อเกินไป โง่เกินไปอยู่เสมอ”
ธอร์รู้สึกหน้าร้อน ยิ่งโกรธตัวเองที่หลงเชื่อพวกเขา และที่เขาโกรธที่สุดคือความซื่อของเขาทำให้คอนวอลต้องตาย
“ข้าจะถามเจ้าแค่ครั้งเดียว” ธอร์คำราม “บอกข้ามาตามความจริง แล้วเราจะไว้ชีวิตเจ้า หากโกหก เจ้าจะได้ตายตามน้องชายของเจ้าไป เจ้าเลือกเอา”
เดรคไออีกหลายครั้ง
“ดาบอยู่ที่ไหน?” ธอร์ถาม “บอกความจริงมา”
เดรคไอสำลักอีกหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้น มองสบตาธอร์ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ไม่มีวันจม” เดรคตอบออกมาในที่สุด
ธอร์หันมามองดูคนอื่น ที่มองเขาอย่างงุนงงเช่นกัน
“ไม่มีวันจมหรือ?” ธอร์ถาม
“มันคือทะเลสาบไร้ก้น” อินดราเอ่ยแทรกขึ้น พลางก้าวมาด้านหน้า “อยู่ที่อีกฟากของมหาทะเลทราย เป็นทะเลสาบที่ลึกที่สุด”
ธอร์นิ่วหน้าใส่เดรค
“ทำไม?” เขาถาม
เดรคไออีก เริ่มอ่อนแรงลง
“เป็นรับสั่งของราชากาเร็ธ” เดรคบอก “พระองค์ต้องการให้ทิ้งมันในที่ที่มันจะไม่กลับมาอีก”
“แต่เพราะอะไรกันเล่า?” ธอร์รุกถามด้วยความสงสัย “เหตุใดจึงต้องทำลายดาบ?”
เดรคเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“หากพระองค์ทรงไม่สามารถยกมันได้” เดรคบอก “ก็จงอย่ามีใครทำได้”
ธอร์มองดูเขานิ่งนาน ในที่สุดเขาก็พอใจว่าเดรคพูดความจริง
“ถ้าอย่างนั้นเวลาของเราก็เหลือน้อย” ธอร์บอก เตรียมพร้อมที่จะไปต่อ
เดรคส่ายหน้า
“เจ้าไม่มีทางไปที่นั่นได้ทันเวลา” เดรคบอก “พวกนั้นนำหน้าเจ้าอยู่หลายวัน ป่านนี้ดาบคงหายไปตลอดกาลแล้ว ยอมแพ้และกลับไปที่อาณาจักรวงแหวนเถอะ รักษาชีวิตของพวกเจ้าไว้”
ธอร์ส่ายหน้า
“พวกเราไม่คิดเช่นนั้น” เขาตอบ “เราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อรักษาชีวิต เรามีชีวิตอยู่เพื่อความกล้าหาญ เพื่อคำปฏิญาณของพวกเรา และเราจะไปทุกที่ที่มันจะนำเราไป”
“เจ้าเห็นไหมล่ะว่าตอนนี้ความกล้าของพวกเจ้านำเจ้ามาที่ไหน” เดรคบอก “แม้เจ้าจะมีความกล้า แต่ก็โง่เง่า เหมือนกับคนอื่น ๆ ความกล้าหาญนั้นไร้ค่า”
ธอร์ยิ้มเยาะตอบ เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าถูกเลี้ยงดูและใช้ชีวิตวัยเด็กอยู่กับสิ่งมีชีวิตตนนี้
ธอร์กำด้ามดาบแน่นจนข้อนิ้วขาว ปรารถนาอย่างยิ่งที่จะสังหารเด็กหนุ่มคนนี้ สายตาของเดรคมองตามมือเขา
“เอาเลย” เดรคบอก “ฆ่าข้าเลย จัดการเสียเดี๋ยวนี้ให้สิ้นเรื่องไป”
ธอร์จ้องมองเขาเนิ่นนาน ปรารถนาที่จะทำตาม แต่เขาได้ให้สัญญากับเดรคว่าหากบอกความจริงแล้วจะไว้ชีวิต และธอร์รักษาคำพูดเสมอ
“ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า” ธอร์เอ่ยขึ้นในที่สุด “แม้เจ้าจะสมควรตายมากเพียงใดก็ตาม เจ้าจะไม่ได้ตายด้วยน้ำมือข้า มิเช่นนั้นข้าก็คงจะต่ำช้าไม่ต่างจากเจ้า”
ขณะที่ธอร์หันหลังจากไป คอนเวนก็พุ่งเข้ามาพร้อมส่งเสียงร้อง
“เพื่อพี่ชายข้า!”
คอนเวนชักดาบออกมาแล้วแทงเข้าที่หัวใจของเดรค ก่อนที่ใครจะทันทำอะไร สายตาของคอนเวนลุกโชนด้วยความโกรธแค้น และเศร้าโศก ขณะที่เขานำเดรคไปสู่ความตายและมองดูร่างของเดรคอ่อนเปียกลงกับพื้นและสิ้นใจตาย
ธอร์มองดูและรู้ว่าความตายนั้นชดเชยความสูญเสียของคอนเวนได้เพียงน้อยนิด แต่อย่างน้อยที่สุดมันก็มีความหมายสำหรับความสูญเสียของทุกคน
ธอร์มองออกไปยังทะเลทรายเวิ้งว้างตรงหน้า และรู้ว่าดาบแห่งโชคชะตาอยู่ไกลจากเขตแดนของทะเลทรายแห่งนี้ มันดูเหมือนอยู่อีกฟากโลก เขาคิดว่าการเดินทางสิ้นสุดแล้ว แต่เขาได้รู้แล้วว่ามันยังไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ